วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

วังกุ้ง

วังกุ้ง
ฟาร์มกุ้ง บ่อกุ้ง เป็นคำที่ได้ยินอยู่ทั่วไป แต่ที่นี่ จะใช้คำว่า "วังกุ้ง" แทน เค้าบอกว่าเรียกแบบนี้กันมานานแล้ว ฟังดูออกจะโก้เก๋ แต่ถ้าจะให้เดา ก็น่าจะเป็นเพราะ ชาวบ้านแถบนี้สร้างฐานะร่ำรวยมาจากวังกุ้งกันนักต่อนักแล้ว

ผมก็พึ่งได้ยินและได้เห็นกับตาว่าที่นี่เลี้ยงกุ้งกันแบบธรรมชาติ  เหมือนเป็นบ่อเลี้ยงปลา ขนาดใหญ่ โดยไม่ต้องดูแลหรือสนใจมากนัก ใครอยากพายเรือเล่นในบ่อกุ้งก็เชิญตามสบาย ใครอยากโดดน้ำเล่นก็เชิญตามสะดวก ไม่ต้องระมัดระวังเหมือนที่อื่นๆ ที่ต้องเฝ้าดูแลใกล้ชิด ประคบประหงมกันเหมือนไข่ในหิน

ภาพเครื่องทำอ็อกซิเจนในฟาร์มเลี้ยงกุ้งเป็นภาพค่อนข้างชินตา แต่ที่นี่ปล่อยให้เทวดาเลี้ยง จึงไม่ต้องลงทุนหรือจะมีค่าใช้จ่ายกันมากนัก

เพียงแค่เปิดประตูน้ำจากคลองให้ไหลเข้ามาในฟาร์ม ก็จะได้ทั้งปลาและกุ้งขนาดต่างๆ เข้ามาในบ่อมากมาย ซึ่งแสดงว่าคลองแถบนี้ยังมีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ จึงมีกุ้งจากทะเล น้ำกร่อยนานาชนิดอาศัยอยู่ในป่าชายเลนเป็นจำนวนมาก

จากนั้นก็ปล่อยให้กุ้งหากินอาหารเองในบ่อที่มีเนื้อที่หลายสิบไร่ บางบ่ออาจเป็นร้อยๆไร่
บ่อที่มีขนาดใหญ่จึงเป็นแหล่งสะสมอาหารตามธรรมชาติ ที่มากพอที่จะเลี้ยงกุ้งและสัตว์น้ำ ิชนิดอื่นได้อย่างพอเพียง เป็นการสร้างความสมดุลย์ด้วยตัวมันเอง

ไม่ต้องไปวัดค่า PH หรือค่าความเป็นกรด - ด่างจากน้ำ ไม่ต้องให้อาหารเสริมใดๆ เพราะกุ้งในบ่อไม่ได้อยู่กันแออัดจนต้องแย่งอาหารกัน และต้องให้อาหารเสริมเหมือนกับ การเลี้ยงแบบสมัยใหม่ ที่ต้องอัดกุ้งเป็นจำนวนมากในบ่อเล็กๆโดยมีเครื่องอัดอากาศช่วย และเสริมอาหารอย่างเต็มที่

เมื่อกุ้งโตได้ขนาดก็ทะยอยจับมาขายเป็นระยะๆ ได้ทั้งกุ้ง และปลาที่อาศัยอยู่ด้วยกันในบ่อ สัตว์น้ำที่ได้จึงปลอดจากสารแปลกปลอมที่มักติดมากับอาหารเสริมเพื่อเร่งการเจริญติบโต หลายคนมักไม่กล้ากินกุ้งจากฟาร์มเลี้ยง เพราะกลัวจะมีผลกระทบตามมา เช่นมะเร็ง

ศัตรูของกุ้งก็คือ"กาน้ำ" ซึ่งเป็นนกที่มีจะงอยปากลักษณะคล้ายเป็ด  เมื่อกุ้งโตได้ขนาด กาน้ำ ก็จะเริ่มมารังควาน บินลงจิกกินกุ้งที่อยู่ในน้ำ ชาวบ้านจึงต้องจุดประทัดไล่ หรือยิงปืนเพื่อเกิดเสียงดัง ทำให้นกแตกตื่นบินขึ้นเต็มท้องฟ้า
กุ้งที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ จะมีเนื้อแน่นและรสอร่อย เพราะเติบโตแบบธรรมชาติ ไม่มีการขุน หรือเร่งให้โตเร็ว

อาหารมื้อแรกที่เจ้าของบ้านนำมาเลี้ยงในช่วงบ่ายของวันที่มาถึง เป็นกุ้งตัวโตขนาดใหญ่ วางในจานใบเบ่อเร่อ สดและเนื้อแน่นมาก ครอบครัวผมจึงทานกันอย่างจุใจ โดยมีเจ้าของบ้าน มานั่งเชียร์ให้ทานกันเยอะๆ พร้อมจิบเบียร์นั่งเสวนาไปด้วยกัน เมื่อเบียร์นี่คือบรรยากาศ ของวังจ้ะงก็หมดจานพอดี

รสชาติฝีมือพ่อครัวหัวป่าก์จากเจ้าของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต้มยำปลาหมอเทศ ยำปลากรอบ หรือน้ำจิ้มรสจัด ระดับอาชีพจริงๆ

ร่ำๆว่าอยากเปิดร้านอาหารในฟาร์มนี้ ลักษณะแบบโฮมสเตย์ ทำกันสนุกๆ มีกุ้ง หอย ปู ปลา ในฟาร์มนี้เป็นวัตถุดิบ โดยไม่ต้องไปหาซื้อจากที่อื่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น