วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ป่าชายเลน

ป่าชายเลน...คุณค่ามหาศาล

          ป่าชายเลน มีความสำคัญต่อระบบนิเวศวิทยาแนวชายฝั่งอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นถิ่นกำเนิดและเป็นที่เจริญเติบโตของพันธุ์พืชและสัตว์น้ำนานาชนิด ที่เอื้อต่อการเจริญอยู่ของวงจรระบบนิเวศบริเวณชายฝั่ง และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
          ศ.ดร.สนิท แก้วอักษร นักวิชาการชาวไทยที่ศึกษาวิจัยป่าชายเลน ได้ให้นิยามความสำคัญของป่าชายเลนไว้มากมาย โดยเปรียบป่าชายเลนว่าเป็นเสมือน "บ้าน" ของพันธุ์สัตว์น้ำและพันธุ์พืชนานาชนิด ที่ใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และเจริญเติบโต เป็นเสมือน "ครัว" ซึ่งได้ธาตุอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตพืชและสัตว์จากเศษใบไม้ที่หลุดร่วงสลายเป็นอาหารในดิน เป็นเสมือน "โรงบำบัดน้ำเสีย" เนื่องจากรากและลำต้นของพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ เป็นด่านกรองสิ่งปฏิกูลในน้ำก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล เป็นเสมือน "โรงยา" ด้วยพืชหลายชนิดมีสรรพคุณทางสมุนไพรบำบัดอาการของโรคต่างๆ ได้ดี เป็นเสมือน "ปอด" เนื่องจากสภาพธรรมชาติที่ร่มรื่น ช่วยให้อากาศบริเวณชายฝั่งทะเลสะอาด บริสุทธิ์ เป็นเสมือน "สะพาน" ที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ชายฝั่งและทะเล และที่สำคัญ คือ เป็นเสมือน "อู่ข้าวอู่น้ำ" ของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งได้ทำประมง และใช้ประโยชน์จาพืชนานาพันธุ์เพื่อการดำรงชีวิต ป่าชายเลนจึงเปรียบเสมือนลมหายใจของสิ่งมีชีวิตที่ต้องดำรงอยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกันอย่างสมดุลตามธรรมชาติ แต่ในระยะหลายสิบปีที่ป่านมา สภาพป่าชายเลนตามแนวชายฝั่งด้านอ่าวไทยและด้านทะเลอันดามันถูกทำลายไปมาก ซึ่งหากปล่อยปละละเลยกันต่อไป อาจเกิดผลกระทบที่จะสร้างความเสียหายต่อสมดุลทางระบบนิเวศธรรมชาติมากเกินกว่าจะแก้ไขได้ทัน และป่าชายเลนอาจกลายเป็นเพียงภาพในอดีตที่เคยปรากฏบนผืนแผ่นดินไทยเท่านั้น
          ป่าชายเลนเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเล เป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพของสัตว์น้ำนานาชนิด ที่เอื้อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ สังคมและเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล

ป่าชายเลน เปรียบเสมือนบ้าน
          ป่าชายเลนเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด สัตว์น้ำตัวเล็กๆ ต้องอาศัยระบบรากที่ซับซ้อนของพืชป่าชายเลนสำหรับวางไข่ อนุบาลตัวอ่อนและหลบภัย ลิงแสมที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน ก็ได้จับปู ปลา เป็นอาหาร ดังนั้นการทำลายป่าชายเลน จึงเท่ากับเป็นการทำลายบ้านที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์มากมาย
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนโรงครัว
          ยามน้ำขึ้น ป่าชายเลนจะมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยฝูงปลาหลากหลายชนิดต่างพากันออกมาหากินบนพื้นผิวป่าชายเลน ใบไม้ในป่าชายเลนที่ร่วงหล่น จะสลายตัวกลายเป็นธาตุอาหารอันอุดมสมบูรณ์สำหรับการดำรงอยู่ของสัตว์น้ำนานาชนิด เพื่อเติบโตกลายเป็นอาหารอันโอชะของมนุษย์ต่อไป
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนโรงไม้
          ระบบนิเวศของป่าชายเลนถูกกำหนดด้วยการขึ้นลงของน้ำทะเล ชาวบ้านจะช่วยกันปลูกป่าเพื่อนำต้นไม้มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและหารายได้เลี้ยงครอบครัว เช่น เผาไม้โกงกางเพื่อทำเป็นฟืนและถ่านที่มีคุณภาพดี ใช้ไม้สร้างที่อยู่อาศัย ทำเครื่องใช้ในครัวเรือน และเครื่องมือทำประมง เป็นต้น
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนบ้าน
          ป่าชายเลนเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด สัตว์น้ำตัวเล็กๆ ต้องอาศัยระบบรากที่ซับซ้อนของพืชป่าชายเลนสำหรับวางไข่ อนุบาลตัวอ่อนและหลบภัย ลิงแสมที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน ก็ได้จับปู ปลา เป็นอาหาร ดังนั้นการทำลายป่าชายเลน จึงเท่ากับเป็นการทำลายบ้านที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์มากมาย
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนโรงครัว
          ยามน้ำขึ้น ป่าชายเลนจะมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยฝูงปลาหลากหลายฃนิดต่างพากันออกมาหากินบนพื้นผิวป่าชายเลน ใบไม้ในป่าชายเลนที่ร่วงหล่น จะสลายตัวกลายเป็นธาตุอาหารอันอุดมสมบูรณ์สำหรับการดำรงอยู่ของสัตว์น้ำนานาชนิด เพื่อเติบโตกลายเป็นอาหารอันโอชะของมนุษย์ต่อไป
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนโรงไม้
          ระบบนิเวศของป่าชายเลนถูกกำหนดด้วยการขึ้นลงของน้ำทะเล ชาวบ้านจะช่วยกันปลูกป่าเพื่อนำต้นไม้มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและหารายได้เลี้ยงครอบครัว เช่น เผาไม้โกงกางเพื่อทำเป็นฟืนและถ่านที่มีคุณภาพดี ใช้ไม้สร้างที่อยู่อาศัย ทำเครื่องใช้ในครัวเรือน และเครื่องมือทำประมง เป็นต้น
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนโรงยา       วิถีการดำเนินชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ป่าชายเลน ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้จากรากเหง้าแห่งภูมิปัญญาการรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นต่อไป ด้วยคุณค่าทางสมุนไพรของพันธุ์ไม้เกือบทุกชนิดในป่าชายเลน อาทิ เหงือกปลาหมอดอกม่วง มีสรรพคุณแก้โรคมะเร็ง โรคหืดหอบ วัณโรค และอัมพาต เป็นต้น
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนโรงบำบัดน้ำเสีย
          รากที่สลับซับซ้อนและหนาแน่นคล้าย "ตะแกรง" ของพันธุ์ไม้ป่าชายเลน มีศักยภาพสูงในการดูดซับสารพิษ และเก็บกักตะกอน กลั่นกรองขยะ สิ่งปฏิกูลของเสียต่างๆ ที่มาจากพื้นบก อันเนื่องมาจากกิจกรรมของมนุษย์ เป็นการลดมลภาวะทางน้ำ ส่งผลให้น้ำใสสะอาด
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนโรงฟอกอากาศ          ท่ามกลางสังคมเมืองที่แออัด ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศเพิ่มขึ้น หลายคนไขว่คว้าหาอากาศบริสุทธิ์ ป่าชายเลนจึงเป็นสวรรค์สำหรับคนเมือง เพราะช่วยฟอกอากาศ สร้างความสดชื่นแก่ทุกคน ท่ามกลางกระแสน้ำขึ้น น้ำลง ความโดดเด่นงดงามอย่างมหัศจรรย์ของพันธุ์ไม้ และเสียงกู่ร้องบรรเลงของสัตว์นานาชนิด
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนโรงเรียนธรรมชาติ
       การศึกษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของป่าชายเลน เปรียบเสมือนได้ท่องสำรวจในห้องสมุดขนาดใหญ่ อางค์ประกอบและเรื่องราวสรรพสิ่งต่างๆ ในป่าชายเลน ล้วนมีคุณค่าควรแก่การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับระบบนิเวศชายฝั่ง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดอาหารโปรตีนที่สำคัญของโลก รวมทั้งวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่ร่วมกับป่าชายเลนได้อย่างมีความสุข
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนกำแพงธรรมชาติ
          รากของพันธุ์ไม้ป่าชายเลนที่โผล่ขึ้นมาแผ่กว้างเหนือดิน และหยั่งลึกลงใต้ดิน ช่วยยึดเกาะดินไว้ไม่ให้พังทลาย ป่าชายเลนที่ขึ้นเป็นแนวเขตบริเวณชายฝั่งทะเลจึงทำหน้าที่เหมือนเขื่อนหรือกำแพงธรรมชาติที่คอยปะทะพายุและคลื่นลมทะเล ช่วยปกป้องบ้านเรือนและทรัพย์สินของมนุษย์ไม่ให้เสียหาย
ป่าชายเลน เปรียบเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำ
          ชาวประมงส่วนใหญ่เริ่มต้นกิจวัตรประจำวันด้วยการเก็บเกี่ยวทรัพยากรจากป่าชายเลน ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา หรือสัตว์น้ำอื่นๆ พวกเขาสำนึกในคุณค่าของป่าชายเลนว่าเป็นโรงผลิตอาหารทะเลหรืออู่ข้าวอู่น้ำ ทำให้พวกเขามีอาหารดีๆ รับประทาน และแบ่งขายได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องลงทุน
การฟื้นฟูป่าชายเลนโดยธรรมชาติ
       การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของป่าชายเลน ไม่จำเป็นต้องหาซื้อเมล็ดพันธุ์ หรือต้นกล้ามาปลูกแต่อย่างใด ด้วยกลไกการปรับตัวให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมได้ เมล็ดลักษณะพิเศษของพืชป่าชายเลน เช่น โกงกาง เป็นฝักแหลมยาว เมื่อแก่จึงหล่นจากต้น และปักบนดินที่อ่อนนุ่ม พร้อมที่จะเจริญเติบโตเป็นต้นไม่ใหญ่ต่อไปโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น